มีนาคม 9, 2022

Calibration-Bangpakong.Com

สอบเทียบเครื่องมือช่าง บางปะกง

ก่อนที่จะเลือกซื้อเลื่อยไฟฟ้าตัดกิ่งไม้ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง

1 min read
เลื่อยไฟฟ้า

สำหรับเลื่อยไฟฟ้านั้นเป็นเครื่องมือในการทำสวนที่ใช้สำหรับตัดต้นไม้หรือตัดแต่งกิ่งไม้ ซึ่งเลื่อยไฟฟ้าตัดกิ่งไม้นั้นสามารถทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากกว่าเลื่อยมือธรรมดาทั่วไป ในการใช้เลื่อยไฟฟ้านั้นจะขึ้นอยู่กับแต่ละประเภทในการทำงานต่าง ๆ โดยจะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของเลื่อยนั้น ๆ เพราะเลื่อยในแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป การเลือกใช้เลื่อยไฟฟ้านั้นจะต้องมีความสอดคล้องและเหมาะสมกับงานที่จะทำให้มีประสิทธิภาพที่ดีในการทำงาน โดยจะมีวิธีการเลือกซื้อและวิธีการใช้งานและการดูและรักษาอย่างไรนั้นเราขอนำเสนอดังนี้

สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนที่จะเลือกซื้อเลื่อยตัดกิ่งมาใช้งาน

1.กำลังวัตต์ของมอเตอร์

กำลังวัตต์ของมอเตอร์นั้นเป็นตัวที่ใช้ในการบอกถึงความสามารถในการหมุนของตัวมอเตอร์เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนใบเลื่อยตัดกิ่งไม้ไฟฟ้าทำงานซึ่งมีค่ามากก็จะหมายถึงว่าความเร็วและแรงบิดที่จะได้จากตัวมอเตอร์ซึ่งจะทำให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการตัดกิ่งไม้ที่มีขนาดใหญ่ได้ดีและตัดกิ่งไม้ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นโดยทั่วไปแล้วเลื่อยตัดไม้ไฟฟ้านั้นจะมีการใช้งานมอเตอร์กำลังวัตต์อยู่ที่ตั้งแต่ 250 ไปจนถึง 500 วัตต์ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อของผู้ผลิตโดยกำลังวัตต์มากจะสามารถตัดได้เร็วยิ่งขึ้นและดียิ่งขึ้นนั่นเอง ดังนั้นในการเลือกซื้อมาใช้งานคุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกซื้อเลื่อยตัดกิ่งที่มีกำลังวัตต์เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ

2.ความจุของแบตเตอรี่

ความจุของแบตเตอรี่ของเลื่อยตัดกิ่งไฟฟ้านั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความจุของแบตเตอรี่เพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละครั้งซึ่งจะทำให้คุณสามารถที่จะใช้งานได้เหมาะสมกับระยะเวลาในการทำงานของคุณและควรที่จะเลือกซื้อแบตเตอรี่ที่มีความจุเพียงพอในการใช้งานแต่ครั้ง โดยทั่วไปแล้วความจุของแบตเตอรี่ของเลื่อยตัดกิ่งไฟฟ้าที่มีวางขายอยู่ในท้องตลาดนั้นจะอยู่ที่ 2-4 Ah ถึงจะเพียงพอในการใช้งานในการตัดกิ่งไม้แต่ละครั้งให้เสร็จสมบูรณ์ซึ่งความจุของแบตเตอรี่นั้นยิ่งมากก็จะยิ่งดีแต่ก็จะมีปัญหาในเรื่องของราคาที่จะมากขึ้นตามไปด้วยดังนั้นการเลือกซื้อแบตเตอรี่ที่มีความจุเหมาะสมในการใช้งานจึงเป็นสิ่งที่ควรที่จะพิจารณามากที่สุด

3.น้ำหนักของเลื่อยตัดกิ่งไฟฟ้า

เลื่อยตัดกิ่งไฟฟ้านั้นจะต้องเป็นอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักเบาซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถที่จะใช้งานได้ทุกเพศทุกวัยและไม่เป็นภาระในการใช้งานมากจนเกินไปเนื่องจากว่าผู้ใช้งานนั้นอาจจะมีลักษณะทางกายภาพที่ไม่สามารถใช้งานอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักมากขนาดใหญ่ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่มีร่างกายบอบบางดังนั้นในการเลือกซื้อมาใช้งานนั้นคุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาในส่วนนี้ด้วย

4.ขนาดสูงสุดของกิ่งไม้ที่สามารถตัดได้

เลื่อยตัดกิ่งไฟฟ้าที่จะซื้อมาใช้งานนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสามารถตัดกิ่งไม้ในขนาดที่คุณต้องการได้ซึ่งจะทำให้การใช้งานนั้นสามารถที่จะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมในการใช้งานของคุณโดยพิจารณาจากขนาดของกิ่งไม้ที่คุณจะนำมาใช้ในการตัดและเลือกขนาดของเลื่อยตัดกิ่งที่มีความสามารถที่จะสามารถตัดกิ่งไม้ของคุณได้

5.การรับประกันและการบริการหลังการขาย

เลื่อยตัดกิ่งไฟฟ้านั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการรับประกันจากผู้ขายหรือผู้ผลิตอย่างน้อย 3 ถึง 6 เดือนเพื่อช่วยให้คุณมั่นใจในคุณภาพและประสิทธิภาพในการทำงานของตัวเครื่องว่ามีคุณภาพดีเพียงพอที่จะนำมาใช้งานในกรณีที่เกิดปัญหาขณะที่ตัวเครื่องอยู่ในระยะการรับประกันซึ่งเกิดจากการใช้งานอุปกรณ์ที่ไม่ได้คุณภาพหรือปัญหานั้นเกิดจากผู้ผลิตทางผู้ขายจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการรับผิดชอบโดยการเปลี่ยนหรือซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมและการบริการหลังการขายนั้นก็หมายถึงอุปกรณ์อะไหล่สิ้นเปลืองจากต่างจะต้องมีให้บริการอยู่ตลอดเพื่อที่จะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะใช้งานได้อย่างยาวนานอย่างเช่นสู้ที่ใช้ในการตัดนั้นเมื่อใช้งานไประยะหนึ่งจะเริ่มสึกหรอและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเปลี่ยนเส้นใหม่ที่ใช้ในการตัดซึ่งทางผู้ขายจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีไว้ให้คอยบริการอยู่เสมอ

การดูแลและบำรุงรักษาเลื่อยไฟฟ้า

อย่าปล่อยให้น้ำมันเลี้ยงโซ่ของ เลื่อยยนต์

เป็นที่ทราบกันดี หากคุณเคยใช้เลื่อยโซ่ไฟฟ้า หรือเลื่อยยนต์ มากันแล้ว สิ่งที่สำคัญคือ น้ำมันเลี้ยงโซ่ ที่เมื่อใช้งานไปช่วงหนึ่ง เลื่อยโซ่ไฟฟ้าของคุณจะเริ่มมีปัญหา สังเกตได้จากการหมุนของเลื่อย หรือเสียงขณะทำงานที่ดังมากกว่าปกติ แต่โซ่และมอเตอร์ยังทำงานได้ตามปกติ และเมื่อทำงานเรื่อยๆ นานเข้าคุณต้องใช้แรงดันของคุณช่วยตัดต้นไม้ที่ขนาดใหญ่ หรือมีความกว้างที่มาก เลื่อยโซ่ไฟฟ้าของคุณจะกินไฟและมีเสียงการทำงานที่ดังมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้น้ำมันเลี้ยงโซ่แห้งเร็วขึ้น และเริ่มหมดไป ตามการใช้งาน ส่งผลต่อการหมุนของโซ่และชิ้นส่วนที่ทำให้โซ่หมุนการทำงาน เกิดความร้อนจากการเสียดสี และเกิดการสึกหรอภายในเร็วกว่าปกติ และเมื่อคุณสังเกตเห็นอาการเหล่านี้หรือเลื่อยคุณทำงานได้ช้าลง ให้คุณดับเครื่องการทำงานและเติมน้ำมันเลี้ยงโซ่โดยทันที

รักษาคมของโซ่ และควรมีโซ่สำรอง

ความคมของโซ่เป็นสิ่งที่สำคัญ ที่ส่งผลต่อการตัดไม้ของคุณ เป็นเรื่องธรรมดาที่คนทำงานเกี่ยวกับเลื่อยพบเจอ เพราะโซ่หมดความคมได้เมื่อคุณตัดวัสดุที่แข็ง หรือมีความหนา เมื่อวัสดุยิ่งหนาหรือแข็งมากเท่าไหร่คมโซ่ของคุณจะยิ่งหมดคมเร็วมากทำนั้น จึงควรมีโซ่สำรองเตรียมไว้ใกล้มือ หรือบางคนอาจเลือกที่จะนำโซ่ไปลับคม แต่ก็มีข้อจำกัดคือ เสียเวลาการทำงาน และต้องอาศัยความชำนาญ ในการลับคมโซ่

หากคุณลับคมโซ่เอง ควรสังเกตถึงประสิทธิภาพของคมโซ่ที่สามารถลับคมได้ เพราะเมื่อลับคมมากเกินไปโซ่ของคุณจะสึกหรอและสุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนโซ่อันใหม่อยู่เสมอ

ทำความสะอาดรอบโซ่เสมอ

แม้ว่าเลื่อยยนต์จะได้รับการออกแบบมาเพื่อกันขี้เลื่อยสกปรก แต่มันมักจะมีสิ่งแปลกปลอม เล็ดลอดเข้ามารอบ ๆ โซ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เราควรทำความสะอาด บาร์โซ่และโซ่ ก่อนใช้งานทุกครั้ง

Copyright © All rights reserved. | Newsphere by AF themes.